วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554
-เชือกผูกภพ-
-เชือกผูกภพ-
คำว่า"สังโยชน์" เป็นโซ่ตรวนที่ผูกโยงมนุษย์ไว้กับกิเลสที่ทำให้ติดข้องอยู่ในวัฏสงสารอันยาวนานแต่พระอรหันต์ได้ตัดโซ่ตรวนแห่งสังโยชน์หมดแล้วจึงเป็นอิสระจากภพ เพราะไม่ต้องมาเกิดอีก คนที่ละเลยธรรมะจะไม่สามารถตัดโซ่แห่งภพชาติได้ซึ่งสามารถฉุดลากเขาให้ตกลงไปสู่อบายภูมิทั้ง ๔ ได้แม้ในบางอดีตชาติอาจไปเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาด้วยอำนาจบุญ แต่ไม่นานก็ถูกฉุดรั้งให้ไปเกิดในอบายภูมิด้วยกรรมชั่วที่ทำได้ง่ายดังนั้นในคัมภีร์อรรถกถาของธรรมบทจึงกล่าวไว้ว่า ปุถุชนที่ประมาทละเลยธรรมย่อมมีอบายภูมิ๔เป้นที่อยู่อันถาวรดังข้อความว่า
"อนึ่ง ขึ้นชื่อว่าอบายภูมิ๔ของผู้ประมาทแล้ว เป็นเช่นกับเคหสถานของตน"
การเวียนว่ายตายเกิดย่อมเหมือนกับเราไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งหรือจากบ้านไปทำงานสุดท้ายเมื่อสิ้นวันก็ต้องกลับมาพักที่บ้านของตัวเองเช่นเดิม การเกิดในภพชาติก็วนเวียนไปมาเช่นนี้ เมื่อไปจุติในสวรรค์ก็กลับมาเกิดอีกไปจุติในอบายภูมิก้ต้องกลับมาอีกถึงแม้จะได้ไปจุติในพรหมโลกด้วยอำนาจแห่งฌาณ แต่เชือกของกามภูมิก็ยังฉุดดึงให้มีการเวียนว่ายในสังสารวัฏเหมือนเดิม
ท่านเปรียบเหมือนวัวที่ถูกผูกไว้กับหลักมันจะไม่สามรถเดินไปไหนไกหรือออกจากหลักได้ บางครั้งนั้นเชือกอาจจะยาวพอให้วัวเดินออกไปไกลมากๆแต่กระนั้นก็ไม่สามรารถหลุดออกจากหลักได้
ดังนั้น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ก็ยังอยู่ต่อไปในทุกภพการตัดเชือกแห่งภพจึงไม่มีชาติใหม่จึงไม่มีความเกิด ความแก่ ความเจ็บความตาย
ผู้หลุดพ้นทั้งหลายต่างหลุดพ้นด้วยการรู้โดยชอบ ปฏิบัติโดยชอบ (สมฺม ทญฺญา วิมุตฺโต) หมายความว่า พระอริยบุคคลหยั่งรู้นิพพานโดยประจักษ์แล้วหลุดพ้นจากทุกข์ตามลำดับ
คือ พระโสดาบัน๑ พระสกทาคามี๑พระอนาคมี๑พระอรหันต์๑
-สุภัทรวาที
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น